วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ความหลังจงอางศึก ตอนที่ 9 วันจงอางศึก 20 ธ.ค. 2510

ความหลังจงอางศึก บันทึกชีวิตจริง 
โดย พ.อ.ทวี วุฒิยานันท์ นายทหารประชาสัมพันธ์ จงอางศึก
จาก วารสารเสนาสาร
ตอนที่ 9  วันจงอางศึก 20 ธ.ค. 2510

มื่อชุดปฏิบัติการ  Civic Action (การช่วยเหลือประชาชน) ของเราล่ำลาท่านผู้บังคับกองร้อยอาวุธเบาที่ 1 และเพื่อนฝูงจงอางศึกที่มาปฏิบัติงานร่วมกันที่ฟุกโถวันนี้ (20 ธ.ค.10) ชุดของเราก็แยกกลับที่ตั้งหน่วย  บก.ส่วนหน้า  ที่ฟุกลาย  พวกเรามิได้มีใครนึกสังหรณ์กันเลยว่า  ในคืนของวันที่ 20 ธ.ค.10  นี้จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นที่กองร้อยอาวุธเบาที่ 1 ที่เราไปปฏิบัติงานมาเมื่อตอนกลางวัน  เมื่อถึงที่ตั้งแล้วจึงทราบว่า  ในคืนนี้ให้ทุกคนกวดขันเจ้าหน้าที่เวรยามต่างๆ  ของทุกหน่วยให้อยู่ในความพร้อม  เพราะผู้บังคับบัญชาชั้นผู้ใหญ่ของจงอางศึก  ทราบจากข่าวสารของหน่วยว่า  มีการเคลื่อนย้ายกำลังพลและอาวุธของ VC (เวียดกง) เข้ามาในพื้นที่ ที่จงอางศึกรับผิดชอบ   ซึ่งจงอางศึกทุกคนก็พร้อมอยู่เสมอ  เราปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดตลอดเวลา  มิได้มีการประมาทต่อศัตรู  หลังรับประทานอาหารมื้อเย็นกันเรียบร้อยแล้ว  ทุกคนก็แยกย้ายเข้าที่พักกัน 


  
ใครมีงานอะไรก็ทำกัน  ไม่มีอะไรก็คุยกัน  ฟังเพลง  ฟังข่าวสารจากเมืองไทย  หรือจะเขียน จม. ถึงแฟนที่รัก  ถึงลูกถึงเมีย  ถึงพ่อแม่พี่น้อง  แล้วแต่จะทำกัน  แต่ข้าพเจ้ามีงานประจำคือ  เมื่อถ่ายข่าวมาแล้วก็ต้องเขียนข่าวที่ถ่ายมาในแต่ละวัน  จะต้องนั่งนึกลำดับเหตุการณ์ของข่าวที่ผ่านมาแล้ว  จึงเป็นข่าวเพื่อออก TV ของ ททบ. ข้อสำคัญจะต้องเขียนให้ตรงและพอดีกับภาพข่าวที่ถ่ายมา  เพื่อสะดวกกับผู้อ่านข่าว  เขียนข่าวเสร็จ  ก็เขียน จม. ถึงภรรเมียที่ กรุงเทพฯ อีก 1 ฉบับ  ให้คอยดูข่าวที่...วันที่....ข่าวเรื่อง....และเช็คว่าคำพูดตรงกับข่าวพอดีกันไหม?  เป็นประจำทุกครั้งที่ส่งข่าว  ( ถ้าข่าวไม่พอดีกับคำพูดทางบ้านก็จะรายงานไปทาง จม.  ให้ทราบเพื่อแก้ไข )  ประมาณ 21.00 น.  ก็เสร็จเรียบร้อย  จึงเดิมมาคุยกับชุดปฎิบัติการสงครามจิตวิทยา  และชุดซักถามซึ่งอยู่เต๊นติดๆกัน  คุยกันเบื่อ ก็ชวนรัมมี่กันพอสนุกๆ  กำลังตีรัมมี่พักเดียว  วงไพ่เราก็ได้ยินเสียงปืนยิงเป็นชุดไกลๆ  มระมาณ 2-3 ชุด  แล้วก็เงียบไป  พวกเราก็คิดว่าพวกที่ออกลาดตระเวน  ของกองร้อยใดกองร้อยหนึ่ง  อาจจะปะทะกับชุดลาดตระเวนของพวก VC  พวกเราก็ยังคงเล่นต่อกันไปอีก  กะว่าเล่นสักประมาณ 24.00 น.  ก็จะไปนอนกัน

            ตอนนี้ข้าพเจ้า  ขอเล่าเรื่องจากทางกองร้อยอาวุธเบาที่ 1 ซึ่งท่านผู้บังคับกองร้อย พ.ต.ยุทธนา  แย้มพันธ์ ( ท่านคือ พลโทยุทธนา  แย้มพันธ์ จก.ยศ.ทบ. )  ได้กรุณาเล่าเรื่อง  และรายละเอียด ของคืนวันที่ 20 ธ.ค. 10  ให้ฟังว่า


พ.ต.ยุทธนา  แย้มพันธ์ผู้บังคับกองร้อยอาวุธเบาที่ 1
ตอนกลางวัน  ทางกองร้อย 1 ได้จัดเจ้าหน้าที่ทางกองร้อย  ไปร่วมปฏิบัติการ Civic Action  กับชุดปฏิบัติการสงครามจิตวิทยา  ในบริเวณหมู่บ้านฟุกโถ  ซึ่งเป็นพื้นที่ๆกองร้อยอาวุธเบาที่ 1 รับผิดชอบ  เมื่อเสร็จงาน  มาทานอาหารกันแล้วก็แยกกันกลับหน่วย  พอบ่ายลงทางกองร้อยก็จัดเจ้าหน้าที่ออกปฏิบัติงานกันตามปกติ  ส่งส่วนหนึ่งออกลาดตระเวนทางน้ำ  ( โดยใช้ Air Boat )

Air Boat
 ส่วนหนึ่งลาดตระเวนถนนสมเกียรติ  อีกส่วนหนึ่งคุ้มกันและตรวจตราให้แก่หมู่บ้านตอนใต้ของฐาน  ซึ่งทำการเกี่ยวข้าวกันอยู่  เมื่อเสร็จหน่วยคุ้มกันชาวบ้านเกี่ยวข้าวจึงกลับเข้าฐาน  ทหารได้รับประทานอาหารมื้อเย็นกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ทางกองร้อยก็ได้จัดชุดออกปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนซุ่มโจมตีนอกฐาน  ตามแนวถนนสมเกียรติ 

ซึ่งถนนสายนี้  ฝ่ายเราจะต้องใช้เป็นประจำ พวก VC  พยายามที่จะฝังทุ่นระเบิดฝ่ายเรา  จึงต้องรักษาดูแลเป็นประจำเพื่อความปลอดภัย  ส่วนพวกที่อยู่ในฐานก็ตรวจตราความเรียบร้อยของที่มั่น  ตรวจลวดหนามที่กั้นเส้นทางเข้าฐาน  ภายนอกคูติดต่อของเราซึ่งมีแนวรั้วลวดหนามแนวเดียว  ทางกองร้อยได้วาง  Claymore  Mine 

และกับระเบิดซึ่งทำจากระเบิดขว้าง  พลุสะดุดจัดวางไว้อย่างเรียบร้อย  เวรยามทุกนายปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด  หลายคนเข้านอนและหลับไปเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อย  จึงมีทหารประมาณ 30 นาย  มานั่งชมภาพยนตร์ เรื่องศึกคาร์ทูม  ระหว่างที่เพลิดเพลินกับภาพยนตร์  ซึ่งกำลังต่อสู้กันอย่างรสเด็ดเผ็ดมันบนจอผ้าสีขาว  หน่วยคุ้มกันเครื่องจักร  ใช้ทำลายต้นไม้  Tree  Crusher   

                                 

เครื่องจักรใช้ทำลายต้นไม้  (Tree  Crusher) 
ซึ่งขณะนั่นชำรุดอยู่   Air Boat  ของเราลอยลำอยู่ในลำน้ำนอกฐาน   ได้รายงานสถานการณ์ ให้ทราบว่า  ทุกสิ่งทุกอย่างนอกฐานปกติ  ชุดลาดตระเวนซุ่มโจมตีรายงานสถานการณ์ให้ทราบว่าทุกสิ่งปกติ  มีแต่เสียงกระสุนปืนใหญ่และ ค.81  ของเราซึ่งทำการยิงรบกวนพวก VC รอบๆฐาน  มีแสงสว่างจากกระสุนส่องแสง  ซึ่งเราทำการยิงไปจากเครื่องยิงลูกระเบิด  มีแสงส่องสว่างไปรอบๆฐานตลอดเวลา  ระหว่างนั้นภาพยนตร์ยังไม่จบ  ทหารตอน ค.ที่จัดไปคุ้มกัน  Tree  Crusher   ซึ่งอยู่ห่างจากฐานประมาณ  600-700 หลา  วิทยุมาแจ้งผู้บังคับกองร้อยว่า  ได้ยินเสียงคล้ายคนลุยเลน  ขออนุญาตยิงตำบลที่สงสัย  ผบ.ร้อยตอบ  OK  ยิงได้  ทหารทำการยิงไป 2-3 ชุด  เงียบกริ๊บไปเลย  ไม่มีการยิงโต้ตอบ  หรือมีเสียงอะไรเลย  ทหารก็วิทยุรายงาน  ผบ.ร้อยและทำการเฝ้าตรวจต่อไป

ประมาณ 22.00 น.  หนังเรื่องศึกคาร์ทูมจบม้วนไปแล้ว  ร.ท.เสถียร  สีฉ่ำ  รองผบ.มว.ปจว.  ซึ่งมาช่วยฉายภาพยนตร์เรียนถามผู้กองร้อยว่า  ยังมีหนังอีกเรื่องหนึ่งจะฉายต่อไหมครับ  ผู้กองร้อยบอกว่าไม่ไหวชักง่วงนอน  พอแล้วละ  ทหารที่นั่งดูก็ลุกขึ้นกลับที่นอนกัน  บางคนก็ไปกินน้ำกินท่า  บางคนก็ฉี่  ร.ท.เสถียร  สีฉ่ำ ( ปัจจุบันคงเป็น พ.อ.พิเศษไปแล้ว ต้องขออภัยท่านด้วย )  ท่านก็จัดการทำการกรอหนังกลับเข้ารีล  กรอไปได้นิดเดียวเครื่องทำไฟน้ำมันหมด  ไฟดับกรอหนังไม่ได้  ผู้กองร้อยจึงเรียกพลทหาร  กิติ  สุวรรณศรี  พลขับรถของรองผู้บังคับกองร้อย  วัฒนา  สรรพานิช  ซึ่งดูแลเรื่องน้ำมันให้มาเติมน้ำมันเครื่องทำไฟที่ใช้ฉายภาพยนตร์หน่อย  


ที่ตั้งกองร้อยอาวุธเบาที่ 1 จงอางศึก ในเวียดนาม

เพียงอึดใจเดียวโดยไม่ได้คิดไม่ได้ฝัน  เสียงระเบิดดังสนั่น  กรั้ม!! เสียงพลทหารกิติ  สุวรรณศรี  ซึ่งกำลังใส่รองเท้าได้เพียงข้างเดียว  ร้องออกมาได้คำเดียวว่า โอ้ย!! แล้วก็ล้มคว่ำหน้าลงกับพื้นเสียชีวิตทันที  ลูก ค. มันลงไปในทางหัวเตียงของ พลทหารกิติ  เป็นลูกแรกที่เวียดกงมันยิงเข้ามา  ซึ่งเป็นขณะที่ทหารที่ชมภาพยนตร์ได้แยกย้ายกันไปเข้าที่บังเกอร์ของตน  ( ในบังเกอร์ใช้เป็นที่นอนด้วย )  เสียงลูก ค. ที่ตกลงมานัดแรกโดยสัญชาติญาณของทหาร  ทุกคนปราดเข้าที่กำบังหยิบอาวุธคู่มือขึ้นมาเตรียมพร้อมทันที  


Culvert  ( ท่อน้ำแผ่นเหล็กครึ่งวงกลม )


กรั้ม!!  ค.ลูกที่ 2 ลงไปในที่พักของ ส.ต.เชิด  แย้มชุติ  ซึ่ง ส.ต.เชิด ใช้ Culvert  ( ท่อน้ำแผ่นเหล็กครึ่งวงกลม )  ครอบที่นอนไว้  คิดว่าเขาต้องตื่นแล้วแต่ไม่ทันออกมา  เพราะปืนคู่มืออยู่กับตัวเขา  ขณะที่เขาได้สละชีพเพื่อชาติไปแล้ว  เป็นระยะเวลาที่ห่างของลูก ค.ลูกที่ 1 กับลูกที่ 2   กรั้ม!! ลูกที่ 3 ก็ลงมาอีกห่างกันไม่มากนัก  ลูกนี้ลงมาข้างบังเกอร์ของ  ร.อ.วัฒนา  สรรพานิช  รองผู้บังคับกองร้อยอาวุธเบาที่ 1 ( พลตรี วัฒนา  สรรพานิช ผบ.พล.ร.9 ขณะนี้ )  กับ  ร.ท.กัมพล  ผลผดุง  ผตน.ซึ่งมาประจำอยู่กับกองร้อยอาวุธเบาที่ 1
 
ร.อ.วัฒนา  สรรพานิช 
       รองผู้บังคับกองร้อยอาวุธเบาที่ 1
    

      ในบังเกอร์นี้  คงมีแต่ ร.ท.กัมพล ฯ  นอนอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น  เพราะรองวัฒนา  ท่านไปแข่งขันยิงปืนในไซ่ง่อน ในนามจงอางศึก  ร.ท.กัมพล ฯ ปลอดภัยจากลูก ค.นัดที่ 3   แล้วท่านก็ออกมาสมทบกับผู้บังคับกองร้อยที่ 1  ตอนนี้ผู้บังคับกองร้อยได้สั่งการให้ทุกคนเข้าที่  พร้อมที่จะยิงศัตรูทุกผู้ทุกนาม  ที่แหลมเข้ามาในรังของจงอาง  การที่ VC ยิง ค. เข้ามา 3 ลูกแรกแล้วทิ้งจังหวะหยุดยิงไป  ท่านผู้บังคับกองร้อยท่านบอกว่า  ข้าศึกคงยิงหาหลักฐานก่อนเข้าโจมตี  แล้วก็เป็นเช่นนันตามที่ท่านคิด  เพราะหลังจาก ค. ยิงมา 3 นัดแล้ว  พวกแซปเปอร์ (Sabper) พวกจู่โจมและทำลาย ของพวกเวียดกง  ก็เริ่มดาหน้ากันมาที่รังจงอางศึก (กองร้อยที่ 1) รอบด้าน ค.ของเวียดกง  เริ่มระดมยิงเข้ามาในฐานของกองร้อยที่ 1  อย่างไม่นับ  แต่ทหารไทย  จงอางศึกทุกคนมิได้หวั่นไหว  ยิงใส่ทุกคนที่มุ่งหน้าเข้ามาอย่างประสงค์ร้ายต่อเรา  แซปเปอร์ชุดแรกของเวียดกง วิ่งเข้ามาเตะเอาพลุสะดุดที่เราวางไว้  สว่างจ้าเหมือนกลางวัน  จงอางศึกก็จัดการกับเป้าเคลื่อนที่  คือเวียดกงอย่างมันมือ คว่ำข้าวเม่าอยู่แถวหน้าลวดหนามนั่นเอง  VC คนไหนที่เข้ามาใกล้จุดอันตรายของกับระเบิดที่เราวางกันไว้  ก็กดสวิช ตูม!!  กระเด็นไปคนละทิศละทาง    VC. บางคนมีไม้กระดาน 2 แผ่น  ยาวประมาณเกือบ 2 เมตร  หัวกระดานด้านหนึ่งตีประกับด้วยยางทำให้เหมือนบานพับ  พับได้  เหยียดตรง 2 แผ่นได้  มันจะวิ่งเข้ามาที่ลวดหนามของจงอางศึก  เอากระดานที่พับได้  ถือวิ่งเข้ามาพาดเข้าที่ลวดหนามหีบเพลงของเรา  แต่พอจะวิ่งข้ามลวดหนามก็เจอกระสุนเข้าติดอยู่กับลวดหนามนั้นเอง


ภาพศพเวียดกง หรือ VC. ที่เป็น  แซปเปอร์ (Sabper)
ภาพจากภาพยนตร์ ของ พ.อ.สมจริง สิงหเสนี
นายทหารประชาสัมพันธ์ รุ่นเสือดำ
ไอ้ปืนโต M 79 ของกองร้อย 1 ก็ยิงเอายิงเอา  มาเป็นกลุ่มๆก็กระจายระเนระนาด  ขณะนี้วิทยุกองร้อยสำหรับติดต่อกับ  บก.กรม ส่วนหน้าชำรุด  สายอากาศที่วางไว้ขาดกระจุยเพราะลูก  ค.VC. ติดต่อกันไม่ได้  ผู้กองร้อยต้องใช้วิทยุระหว่างหมวด  ติดต่อสั่งการผู้บังคับหมวดต่างๆในกองร้อย 1  ด้วยกัน  ในระหว่างนี้ผู้กองร้อยก็ปรับความถี่การใช้วิทยุและเอาเสาอากาศแบบ RC-292   ใช้แทน  ทำการติดต่อขอการสนับสนุนการยิงของปืนใหญ่จงอางศึก และปืนใหญ่สหรัฐ ช่วยทำการยิงทำลายข้าศึกซึ่งมีกำลังถึง 1 กองพันเพิ่มเติม  กำลังพลประมาณ 600 นาย  ที่ทำการเข้าตีทหารไทย 1 กองร้อยซึ่งมีกำลังพลประมาณ 200 นาย  เสียงปืนใหญ่  ปืนโต  ปืนกล  ปืนเล็ก  และ ค.  ดังแทบแก้วหูจะทะลุ อื้ออึงไปหมด  


กระสุนเครื่องยิงลูกระเบิด  ที่ยึดได้จาก VC.

ทหารของกองร้อย 1 เราก็มีบาดเจ็บหลายคนเหมือนกัน  เพราะโดนสะเก็ดระเบิดลูก ค. ของ VC. ที่ยิงมาอย่างถี่ยิบ( ซึ่งเรานับได้จากหลักฐาน  หางระเบิดของลูก ค. VC. ในวันรุ่งขึ้นมีจำนวนถึง  200 กว่าหาง )  ผู้บังคับกองร้อยที่ 1 หามคนเจ็บตามจุดต่างๆในฐาน  เข้าที่กำบังที่ปลอดภัยไว้ก่อน 
ซึ่งทางกรมทหารอาสาสมัครส่วนหน้า  ที่ฟุกลายทราบจากทางวิทยุว่า มีพวกเราบาดเจ็บหลายคน  ก็แจ้งทาทางผู้กองร้อยว่า จะสั่งเฮลิคอปเตอร์มารับคนป่วยด่วน  ทางผู้กองร้อยแจ้งไปว่า  ของให้งดเครื่อง ฮ. ที่จะมารับคนป่วยไว้ก่อน  เพราะขณะนี้กำลังยิงกันอย่างหนัก  จะสับสนกัน  ฮ. และคนเจ็บอาจเป็นอันตรายจากการยิงของปืนใหญ่ไทย  ปืนใหญ่อเมริกัน และ ค.หนัก ของกองร้อยม้าลาดตระเวนที่เป็นหน่วยระวังป้องกันกองร้อยปืนใหญ่  ซึ่งตั้งฐานยิงสนับสนุนกำลังจงอางศึกในพื้นที่ ตำบลนันทรัค  กับยังมี Spooky  และ  Gunship  ของอเมริกันมาบินช่วยยิง  VC. อีกด้วย  


Spooky

Gunship
    คิดว่าประมาณ 01.00 น.  การยิงคงเบาบางลง  เฮลิคอปเตอร์จึงมารับคนเจ็บได้  ทาง บก.กรมส่วนหน้า  ได้ตอบตกลงตามที่ขอ  ระหว่างนั้นกระสุนปืนใหญ่จาก  พ.ต.วัฒนชัย  วุฒิศิริ ( พลโท วัฒนชัย  วุฒิศิริ แม่ทัพภาคที่ 1 ) เพื่อนรักของ พ.ต.ยุทธนาฯ ก็ช่วยยิงสนับสนุนอย่างเต็มที่  ทำลายกองหนุนของศัตรูจนย่อยยับ  


พ.ต.วัฒนชัย  วุฒิศิริ
ผู้บังคับกองร้อย ทหารปืนใหญ่

ปืนใหญ่ หน่วยจงอางศึก ยิงสนับสนุน
พอดี VC. เริ่มอ่อนกำลังในการยิง  ทาง บก.กรมส่วนหน้าแจ้งมาว่า  ฮ.จะมารับทหารที่บาดเจ็บ  ขอให้ทางกองร้อยอาวุธเบาที่ 1 ให้ความสะดวกในการขึ้นลงของ ฮ.ที่มารับผู้บาดเจ็บด้วย  ทางผู้กองร้อย รับทราบรับปฏิบัติ ไม่ถึง 5 นาที ฮ.ที่จะมารับผู้บาดเจ็บก็บินมา พั๊บๆๆ  ฝ่ากระสุนเข้ามาถึงกองร้อยที่ 1 แล้ว  ทหารให้สัญญาณ  ฮ. ลงมาอย่างปลอดภัย  ทหารช่วยกันหามลำเลียงคนบาดเจ็บไปขึ้น ฮ. กันอย่างรวดเร็ว  ฮ. บินขึ้นไปแล้ว  ทุกคนก็ไปประจำหน้าที่ๆหลุมปืนของตัวเองต่อไป  ในการเข้าตีของ VC. ในคราวนี้  พวกแซปเปอร์ของ VC. หลุดผ่านลวดหนามที่กองร้อย 1 กันไว้ได้ 5-6 คน  แต่ VC. ที่เข้ามาทุกคนก็หมดโอกาสที่จะหายใจต่อไป  กลิ้งอยู่แถวๆหน้าบังเกอร์นั่นเอง


พวกแซปเปอร์ของ VC. หน้าบังเกอร์ ร้อยอาวุธเบาที่ 1 
02.00 น.  การยิงของ VC. ที่ยิงมาที่ กองร้อย 1 เริ่มเบาบางมาก  มียิงประปราย  VC. เริ่มถอนตัวไปทาง ซอมบาบอง  เสียงยิงของ VC.  ชักจะเงียบลง  ส่วนปืนใหญ่ของ พ.ต.วัฒนชัย ฯ  ก็ยังยิงคุ้มกันให้กองร้อย 1 เป็นห้วงเวลาห่างๆ กันไปตลอด ( ในคืนนี้ปืนใหญ่ของจงอางศึก  ยิงสนับสนุนกองร้อยอาวุธเบาที่ 1 เป็นจำนวน 1,400 นัด )  เรียกว่าปูพรมบริเวณรอบฐานกองร้อยที่ 1 ไม่มีโอกาสกลับบ้านอีกเลย  พวกที่อยู่ข้างนอกเขตร้อย 1 จะเข้ามาเอาศพเพื่อนๆกัน  ก็เข้ามาเอาไม่ได้น่ะแหละครับ  สะใจจริงๆ  งูจงอางอยู่เฉยๆ  เข้ามาดึงหางงูเล่นได้  
พอ 05.00 น. VC. เริ่มเปิดการยิงเข้ามาที่กองร้อย 1 อย่างหนักอีกครั้ง  เพราะจวนจะสว่างแล้ว  ท่านผู้กองร้อยท่านบอกว่า  เข้าใจว่าเป็นการยิงกำบังการถอนตัว  เพื่อรวบรวมกำลังลำเลียงพวกบาดเจ็บและตายกลับ  หลังจาก VC. ได้ยิงอย่างหนักอีกชุดใหญ่แล้ว  ก็เงียบสนิทจริงๆ  VC. คงจะช่วยกันหามคนป่วย  คนเจ็บ  คนตาย  ( ที่มากำแหงแหย่รังจงอาง ) เอากลับไปฝังไปรักษากันเองก็แล้วกัน  ครั้งนี้คงจะเป็นบทเรียนที่มีค่าสูงสุดสำหรับเวียดกงที่จะได้รู้ว่า  ทหารไทยนั้นมีพิษสง  ขะไหนหนาด  เพราะทหารไทยทุกคนจะสู้อย่างกล้าหาญ  สามัคคีกลมเกลียว  สมกับคำสาบานซึ่งให้ต่อกันไว้ว่า “ จะตายร่วมกัน ไม่ทอดทิ้งซึ่งกันและกัน “    พระอาทิตย์เริ่มทอแสงขึ้นมาเรืองๆที่ขอบฟ้า  แล้วก็สว่างขึ้นสว่างขึ้น



06.00 น. ของวันที่ 21 ธ.ค. 2510  พ.อ.สนั่น  ยุทธสารประสิทธิ์  ผู้บังคับการกรมทหารอาสาสมัคร (พลตรี  สนั่น  ยุทธสารประสิทธิ์ ท่านเกษียณแล้ว )  พ.ท.สุจิณณ์  มงคลคำรวณเขตต์  รองผู้บังคับการกรมทหารอาสาสมัคร ฝ่ายยุทธการ  ( ท่านเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ในสมรภูมิ )  พ.ท.ชวลิต  ยงใจยุทธ  ฝอ.3  ( ปัจจุบัน พลเอก  ชวลิต  ยงใจยุทธ  ผบ.ทบ. )   พ.ต.พิจิตร  กุลละวณิชย์  ผช.ฝอ.3 ( ปัจจุบัน พลเอก  พิจิตร  กุลละวณิชย์  ผช.ผบ.ทบ. )  และข้าพเจ้า  ปชส.อสส.  ได้เดินทางมาถึง กองร้อยอาวุธเบาที่ 1  ผู้บังคับกองร้อย  ท่านก็ได้ต้อนรับผู้บังคับการกรม  กับคณะและเชิญเข้าฟังบรรยายสรุปเหตุการณ์ที่ผ่านมาในคืนวันที่ 20 ธ.ค. 2510  โดยละเอียด  ส่วนข้าพเจ้า  ก็ถือโอกาสออกตระเวนถ่ายภาพยนตร์และภาพนิ่ง  บริเวณรอบฐานของกองร้อยที่ 1  


ร.อ.ทวี  วุฒิยานันท์  นายทหารประชาสัมพันธ์  อสส.(จงอางศึก)
บันทึกภาพยนตร์ บริเวณรอบฐาน กองร้อยอาวุธเบาที่ 1




ขนศพ VC. ไปฝังกลบ

ได้พบได้เห็น VC.  ที่นอนตายกันเกลื่อนกราดไปหมดต้นมะม่วงหิมมะพานต์รอบๆ  ฐานถูกสะเก็ดระเบิดของลูก ค. ขาดไปก็มี  บางต้นสะเก็ดระเปิดฝังติดอยู่กับต้นก็มี  เรียกว่าดงมาม่วงนี้ก็คงช่วยเซฟอันตรายได้ไม่น้อย  ท่านผู้บังคับกองร้อยท่านได้เลือกทำเลที่เป็นชัยภูมิดีที่สุด  วันนี้ทหารกองร้อยที่ 1  ต้องทำงานกันอย่างหนักอีก  ทั้งที่เมื่อคืนไม่มีใครได้นอนเลยจนถึงสว่าง  เพราะต้องไปเก็บอาวุณจากพวกเวียดกง  ที่ตายทั้งหมดรอบๆ บริเวณกองร้อย  




อาวุธที่ยึดได้จาก VC. ที่มาเข้าตี 


มีทั้ง RPG. ปืนอารก้า  ปืนกลจาน  ปืนกลเบา  เครโม  ลูกระเบิดขว้าง  กระสุน ฯลฯ  จำนวนมากมายเอามารวมกันไว้ที่หน้า บก.ร้อยอาวุธเบาที่ 1 เต็มไปหมด  แล้วก็ขนศพเวียดกงเอามานอนเรียงกันที่ลานจอดรถ  มีจำนวน 95 ศพ ( ไม่ได้นับศพพวกขนเอาศพเพื่อนไปด้วย )  ในการที่เวียดกงทำการเข้าตีกองร้อยอาวุธเบาที่ 1  ในคราวนี้  เวียดกงต้องสูญเสียกำลังพล  อาวุธยุทโธปกรณ์เป็นจำนวนมากมาย  เป็นบทเรียนที่พวกเวียดกงจะต้องจดจำไปอีนานเท่านาน  จากข่าวเชลยที่เราจับมาได้ยืนยังว่า  VC. ได้นำศพกลับไปได้จำนวน 90 ศพ  บาดเจ็บ 80 คน  ถูกจับเป็นเชลย 2 คน  ส่วนจงอางศึกของเรา  เสียชีวิตในคราวนี้รวมทั้งสิ้น 6 นาย
จาก กองร้อยอาวุธเบาที่ 1 จำนวน 4 นาย
           ส.ต.เชิด  แย้มชูติ  พลนำสาร
           พลทหาร กิตติ  สุวรรณศรี  พลนำสาร
           ส.ต.สำเนียง  เรืองนิล  พลยิง
           ส.ต.มนูญ  โคตรพงษ์ 
จาก กองร้อยทหารม้าลาดตระเวน จำนวน 2 นาย
            จ.ส.อ.เทียม  แก้วเกตุ
            พลทหาร  ทองรัก  เชยชม
นักรบจงอางศึกที่เสียชีวิตไปในครั้งนี้  เขาได้สระชีวิตเป็นชาติพลี  เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติไทย  และเพื่ออิสรภาพของเสรีชนทั้งมวล  เขาตายด้วยความภาคภูมิ  สมแล้วที่ทุกคนได้ปฏิญาณไว้ว่า  “ ตายในสนามรบเป็นเกียรติของทหาร ”  จงอาศึกทุกคน  และประชาชนไทยทุกคนจะระลึกถึงท่านผู้ล่วงลับจนกว่าจะสิ้นลมปราณ
            ขอให้กุศลผลบุญ  ราศีทักษิณานุปทาน  ทั้งปวงที่ท่านผู้กล้าได้สร้างวีรกรรมไว้  จงเป็นพลังปัจจัยอำนวยให้ท่านผู้สละชีวิต  จงประสบแต่อิฐวิบูลมนูญผล  ถึงซึ่งสุคติ และทิพยสมบัติ ในสัมปรายภพควรแต่ฐานะชั่วกาลปวสาน  เทอญ.  

วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ความหลังจงอางศึก บันทึกชีวิตจริง ตอนที่ 1

 เรื่องเล่าจากคุณพ่อ 

รวบรวมจากบทความเรื่อง 
ความหลังจงอางศึก บันทึกชีวิตจริง 
โดย พ.อ.ทวี วุฒิยานันท์ นายทหารประชาสัมพันธ์ จงอางศึก

ตอนที่ 1
            ข้าพเจ้าผู้เขียน เป็นสมาชิกเสนาสารมานานพอสมควร เคยมีความคิดที่จะเขียนบทความเกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตขณะที่รับราชการทหารมาเล่าสู่กันฟัง  ก็หาโอกาสดังกล่าวยากยิ่ง มาสบโอกาสก็ต่อเมื่อข้าพเจ้าเกษียณอายุราชการ  มีเวลาว่างพอที่จะเขียนบทความซึ่งเป็นประสบการณ์ชีวิตทหาร ที่ข้าพเจ้าประทับใจและภูมิใจมากที่สุด  ซึ่งเรื่องที่จะเขียนนี้อาจทีผู้อื่นเคยเขียนและเล่ากันมาแล้ว แต่ก็เป็นมุมอื่นคงไม่ใช่มุมเดียวกับข้าพเจ้าที่จะเขียนต่อไปนี้
          เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2510  ถึง 15 กุมภาพันธ์ 2510  ทางรัฐบาลไทยได้มีการประกาศรับสมัครไปราชการที่ประเทศเวียดนาม  ตามจังหวัดทหารบกทั่วประเทศ  ซึ่งได้มีชายฉกรรจ์ไปสมัครกันมากมายจนเกินทีทางการกำหนดไว้ นับจำนวนพันๆคน  ทุคนที่มาสมัครกันในครั้งนี้  มาจากทุกภาคของประเทศไทย  มีอาชีพต่างๆกัน เช่น  อาชีพเกษตรกร ช้าราชการ  ช่างไฟฟ้า  ช่างยนต์  ขับรถรับจ้าง  กรรมการ ฯลฯ  ทุกคนอาสาสมัครรับใช้ประเทศชาติในการเผยแพร่เกียรติศักดิ์ของชาติไทยและเพื่อรักษาสันติภาพของโลก  ป้องกันและรักษาเอกราชอธิปไตยของชาติด้วยการเอาชีวิตเป็นเดิมพันกันทีเดียว
                ส่วนข้าพเจ้าเองนั้น  ตอนที่เขาเปิดรับสมัครไปราชการเวียดนามกัน  ข้าพเจ้ากำลังมีภารกิจการถ่ายภาพยนตร์ หน่วยงานกรมอุตสาหกรรมทหาร  เพื่อประกอบคำปราศรัยของ ท่านนายกรัฐมนตรีเนื่องในวันกองทัพไทยสมัยนั้น   ข้าพเจ้าเองก็เคยไปราชการสงครามเกาหลี รุ่นที่ 4 เมื่อปี 2495 มาแล้ว  มีสิทธิได้บัตรเหรียญชัยสมรภูมิและสมุดคู่มือเกาหลี สำหรับครอบครัวแล้ว  จึงไม่ได้คิดที่จะไปสมัครกับเขา  แต่พอมาถึงวันที่ 10 มีนาคม 2510  หลังจากถ่ายภาพยนตร์ในการปฏิบัติงานของหน่วยเภสัชกรรมทหารที่ซอยกล้วยน้ำไท  พระโขนง  เสร็จงานกันแต่วัน  จึงเดินทางกลับหน่วยที่ตั้งปกติ คือ กองการภาพ กรมการทหารสื่อสาร  หัวหน้ากองการภาพ (พ.อ.ถาวร  ช่วยประสิทธิ  ยศในขณะนั้น)  ได้เรียกข้าพเจ้าเข้าไปพบและบอกว่า นายทหารคนสนิทของเจ้ากรมยุทธการทหารบก  ได้มาตามข้าพเจ้าให้ไปพบกับท่านเจ้ากรมด่านเมื่อเสร็จงานแล้ว  ข้าพเจ้าจึงเดินทางไปพบกันท่านในบ่ายวันนั้นเอง  เมื่อถึงกรมยุทธการทหารบกได้พบกับนายทหารคนสนิทของท่าน  (ร.อ.เจิดศักดิ์   พลจันทร์  ยศในขณะนั้น)  ท่านก็บอกให้เข้าไปพบกับท่านเจ้ากรมได้เลย  ข้าพเจ้าเข้าไปรายงานตัวกันท่านเจ้ากรมเสร็จ ท่านถามทันทีว่า  “ จะไปเวียดนามไหม ? ”  ข้าพเจ้า งง ไปหมดไม่รู้จะตอบอย่างไรดี  จึงบอกว่า “กระผมคงจะไปไม่ได้หรอกครับ” ท่านถาม “เพราะอะไร ?  “กระผมไปไม่ได้เพราะตำแหน่งนายทหารถ่ายภาพไม่มีในอัตรา  มีแต่นายสิบช่างภาพตำแหน่งเดียว และทางกรมการทหารสื่อสารก็ได้บรรจุ  ส.อ.ประหยัด คัดชา ไปแล้ว”  


ส.อ.ประหยัด  คัดชา
นายสิบการภาพ กรม.อสส.(จงอางศึก)

 ข้าพเจ้าตอบท่านไป   ท่านจึงบอกว่า  “ฉันไม่ได้ให้ไปในตำแหน่งนายทหารถ่ายภาพ  แต่จะให้ไปในตำแหน่ง นายทหารประชาสัมพันธ์ ของกรมทหารอาสาสมัคร จะไปไหม ?     ข้าพเจ้าเลยตอบไปว่า “ท่านจะให้ไปเป็นนายทหารประชาสัมพันธ์ อย่างนั้นกระผมก็จะไปตามคำสั่งของท่าน ครับกระผม”  และท่านก็ยังพูดต่ออีกว่า “ แต่เธอก็จะต้องถ่ายภาพอยู่ดี คือถ่ายภาพยนตร์ทำประวัติให้กับกรมยุทธการทหารบกด้วย"    ข้าพเจ้าก็รับคำท่าน    ท่านเจ้ากรมบอกว่า  วันที่ 10 เมษายน 2510 ให้ไปรายงานตัวกับ ผบ.หน่วยกรมทหารอาสาสมัคร ณ ที่ตั้ง จังหวัดชลบุรี  ระหว่างนี้ให้เตรียมตัวและพักผ่อนได้  จะแจ้งให้หน่วยที่ตั้งของเธอทราบด่วน  ข้าพเจ้าจึงกราบลาท่านเจ้ากรมยุทธการ  กลับกรมการทหารสื่อสาร  แล้วแจ้งให้หัวหน้ากองการภาพ ได้ทราบเรื่องทั้งหมด  หัวหน้ากองการภาพท่านก็บอกว่า ข้าพเจ้าโชคดี  ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่ทางกรมการทหารสื่อสาร  จะต้องเป็นผู้คัดเลือกแล้วส่งชื่อไปให้กรมยุทธการ ฯ  เพราะฉะนั้นคุณจะต้องทำงานอย่างเต็มความสามารถ เพื่อชื่อเสียงเกียรติประวัติของหน่วยและตัวเอง  และท่านก็อวยพรให้ปลอดภัย และโชคดีในการที่จะไปปฏิบัติงานในครั้งนี้
พื้นที่ จ.ชลบุรี

บริเวณ กรมทหารอาสาสมัคร ชลบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2510
             พอถึงวันที่ 10 เมษายน 2510  ข้าพเจ้าก็ขึ้นรถโดยสาร  กรุงเทพฯ – ชลบุรี  แต่เช้าตรู่  ไปถึงชลบุรี  08.00 น. กว่าๆ  ข้าพเจ้าได้เข้าพบ ผบ.กรมทหารอาสาสมัคร (พ.อ.สนั่น  ยุทธสารประสิทธิ์  ยศในขณะนั้น ) และรองผบ.กรมทหารอาสาสมัครผ่ายยุทธการ  (พ.ท.สุจิณณ์  มงคลคำนวณเขตต์  ยศในขณะนั้น ) ซึ่งท่านทั้งสองดีใจมากเข้ามาจับมือแสดงความยินดีที่จะได้นายทหารประชาสัมพันธ์มาร่วมงานกับท่าน  จากนั้นท่านก็ให้นายสิบ บก.นำไปที่พักนายทหารซึ่งอยู่ด้านหลังภูเขากับหน่วย  ในห้องพักของข้าพเจ้า  ที่ตู้ใส่เสื้อผ้า มีชื่อของข้าพเจ้าติดอยู่ตัวเบ้อเร่อเชียว
คณะสื่อมวลชน เยี่ยมการฝึก จงอางศึก 

ผบ.กรม.อสส. พาคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมการฝึกขั้นที่ 1-2
สื่อมวลชนฟังบรรยายสรุป

ยุทโธปกรณ์ใหม่ๆ
                             จากนั้นอีก 2 วันต่อมา ข้าพเจ้าก็ได้เริ่มปฏิบัติงานประชาสัมพันธ์ให้กับกรมทหารอาสาสมัคร (จงอางศึก) ทันที วันนั้นมีทั้งผู้สื่อข่าว ทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุและโทรทัศน์ ประมาณ 50 คน ไปเยี่ยมที่ตั้งกรมทหารอาสาสมัคร ชลบุรี ข้าพเจ้าได้พบเพื่อนเก่าๆ ที่เป็นช่างถ่ายภาพหนังสือพิมพ์, ช่างภาพข่าวโทรทัศน์ และช่างภาพใหม่ๆบ้าง เราก็ได้พูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง และทุกคนก็บอกว่ายินดีที่จะเป็นสื่อกลาง แจ้งข่าวให้กับประชาชนคนไทยได้ทราบ ขอให้ข้าพเจ้า เขียนข่าวมาลงหนังสือพิมพ์และวิทยุได้ทันที ถ้าได้ภาพด้วยยิ่งดี ทางด้านโทรทัศน์ก็ให้ข้าพเจ้าถ่ายภาพยนตร์ส่งให้ด้วย (ขณะนั้นโทรทัศน์มีแค่ 2 ช่องคือ ช่อง 4 และช่อง 7 ซึ่งเป็นของกองทัพบก และเป็นโทรทัศน์ ขาวดำเท่านั้น ) ข้าพเจ้าก็รับคำเพื่อนๆนักข่าวด้วยความดีใจที่จะได้ประชาสัมพันธ์หน่วยของเราได้เต็มที เขียนข่าวมาลงหนังสือพิมพ์และวิทยุได้ทันที ถ้าได้ภาพด้วยยิ่งดี ทางด้านโทรทัศน์ก็ให้ข้าพเจ้าถ่ายภาพยนตร์ส่งให้ด้วย (ขณะนั้นโทรทัศน์มีแค่ 2 ช่องคือ ช่อง 4 และช่อง 7 ซึ่งเป็นของกองทัพบก และเป็นโทรทัศน์ ขาวดำเท่านั้น ) ข้าพเจ้าก็รับคำเพื่อนๆนักข่าวด้วยความดีใจที่จะได้ประชาสัมพันธ์หน่วยของเราได้เต็มที่
                ขณะนั้นหน่วยจงอางศึกของเราได้เริ่มฝึกที่จังหวัดชลบุรี  ตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ 2510  เพื่อให้คุ้นเคยกับภูมิประเทศใกล้ทะเลและหนองบึง  มีป่าชายเลนป่าดงจาก  ซึ่งลูกจงอางศึกทุกคนทำการฝึกกันอย่างหนัก  เพื่อลดความสูญเสียกำลังพลของหน่วย  เมื่อถึงเวลาที่จะออกปฏิบัติการรบจริงในสมรภูมิ  ทุกคนจะต้องเผชิญกับยุงทะเล ตัวโตกว่ายุงบ้านเราเยอะ  และยังต้องระวังงูกะปะในดงจากซึ่งมีชุกชุมมาก  เพราะถ้าโดนถูกกัดแล้วหาหมอไม่ทันก็มีหวังเดสโมเร่ไปเลย  แต่ทหารจงอางศึกของเราก็มิได้หวั่นไหว  ตั้งอกตั้งใจฝึกกันอย่างจริงจังหลังจากทากรฝึกขั้นที่ 1-2 ตั้งแต่ 12 มีนาคม 2510 ถึง 6 พฤษภาคม 2510 แล้ว  ก็จะต้องทำการฝึกขั้นที่ 3-4 เป็นการฝึกผสม และฝึกระดับกรม  ซึ่งทหารกรมอาสาสมัครทุกคนจะต้องเคลื่อนย้าย  จากที่ตั้งชลบุรี  ไปทำการฝึกที่จังหวัดกาญจนบุรี  เริ่มเคลื่อนย้าย 23.00 น. ของวันที่ 6 พฤษภาคม 2510  ขบวนยานยนต์ของเราออกจากชลบุรี มาออกแปดริ้ว  แล้วมาทางสายมีนบุรี ออกสี่แยกบางเขน ผ่านกรุงเทพฯ  แล้วไปกาญจนบุรี  ไปถึงลาดหญ้าเอา 06.00 น.  

ที่ตั้งใหม่ ทุ่งลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี

เข้าที่ตั้งที่ พล.ร.9 อยู่ในขณะนี้  ตอนนั้นยังเป็นป่าไปหมด  ทางกรมทางหลวงเขามาเกรดถนนเล็กๆไว้พอรถขบวนเข้าไปได้เท่านั้น  คุณรู้ไหมครับ ตอนนั้นไปถึงมันยังเช้าอยู่  พวกแย้มันออกจากรูมาหากันกัน  เห็นรถขบวนมามันคงแปลกใจ  มันหยุดดูครับไม่ยักหนี   พวกเรานั่งอยู่ในรถก็ได้แต่คิดกันไว้เลยว่า จะต้องได้กินผัดเผ็ดแย้แน่ๆ  เพราะมันชุมจริงๆครับ  ตอนนี้เราจะไม่เห็นทะเล  แต่จะเห็นแต่ป่าและภูเขา  รอบๆที่ตั้งหน่วยของเรา  เราทุกคนพร้อมที่จะฝึกในป่าในเขาต่อไป ในขั้นที่ 3-4  เมื่อฝึกแล้ว  เราได้ไปปฎิบัติหน้าที่ของชายชาติทหารเพื่อเกียรติศักดิ์ของนักรบไทย.........