ความหลังจงอางศึก บันทึกชีวิตจริง
โดย พ.อ.ทวี วุฒิยานันท์ นายทหารประชาสัมพันธ์
จงอางศึก
จาก วารสารเสนาสาร
ตอนที่ 9 วันจงอางศึก 20 ธ.ค. 2510
เมื่อชุดปฏิบัติการ Civic Action (การช่วยเหลือประชาชน) ของเราล่ำลาท่านผู้บังคับกองร้อยอาวุธเบาที่
1 และเพื่อนฝูงจงอางศึกที่มาปฏิบัติงานร่วมกันที่ฟุกโถวันนี้ (20 ธ.ค.10)
ชุดของเราก็แยกกลับที่ตั้งหน่วย
บก.ส่วนหน้า ที่ฟุกลาย พวกเรามิได้มีใครนึกสังหรณ์กันเลยว่า ในคืนของวันที่ 20 ธ.ค.10
นี้จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นที่กองร้อยอาวุธเบาที่ 1
ที่เราไปปฏิบัติงานมาเมื่อตอนกลางวัน
เมื่อถึงที่ตั้งแล้วจึงทราบว่า
ในคืนนี้ให้ทุกคนกวดขันเจ้าหน้าที่เวรยามต่างๆ ของทุกหน่วยให้อยู่ในความพร้อม เพราะผู้บังคับบัญชาชั้นผู้ใหญ่ของจงอางศึก ทราบจากข่าวสารของหน่วยว่า มีการเคลื่อนย้ายกำลังพลและอาวุธของ VC (เวียดกง) เข้ามาในพื้นที่
ที่จงอางศึกรับผิดชอบ
ซึ่งจงอางศึกทุกคนก็พร้อมอยู่เสมอ
เราปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดตลอดเวลา
มิได้มีการประมาทต่อศัตรู
หลังรับประทานอาหารมื้อเย็นกันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายเข้าที่พักกัน
ใครมีงานอะไรก็ทำกัน ไม่มีอะไรก็คุยกัน ฟังเพลง
ฟังข่าวสารจากเมืองไทย หรือจะเขียน
จม. ถึงแฟนที่รัก ถึงลูกถึงเมีย ถึงพ่อแม่พี่น้อง แล้วแต่จะทำกัน แต่ข้าพเจ้ามีงานประจำคือ เมื่อถ่ายข่าวมาแล้วก็ต้องเขียนข่าวที่ถ่ายมาในแต่ละวัน จะต้องนั่งนึกลำดับเหตุการณ์ของข่าวที่ผ่านมาแล้ว จึงเป็นข่าวเพื่อออก TV ของ ททบ.
ข้อสำคัญจะต้องเขียนให้ตรงและพอดีกับภาพข่าวที่ถ่ายมา เพื่อสะดวกกับผู้อ่านข่าว เขียนข่าวเสร็จ ก็เขียน จม. ถึงภรรเมียที่ กรุงเทพฯ อีก 1
ฉบับ
ให้คอยดูข่าวที่...วันที่....ข่าวเรื่อง....และเช็คว่าคำพูดตรงกับข่าวพอดีกันไหม?
เป็นประจำทุกครั้งที่ส่งข่าว (
ถ้าข่าวไม่พอดีกับคำพูดทางบ้านก็จะรายงานไปทาง จม. ให้ทราบเพื่อแก้ไข ) ประมาณ 21.00 น. ก็เสร็จเรียบร้อย จึงเดิมมาคุยกับชุดปฎิบัติการสงครามจิตวิทยา และชุดซักถามซึ่งอยู่เต๊นติดๆกัน คุยกันเบื่อ ก็ชวนรัมมี่กันพอสนุกๆ กำลังตีรัมมี่พักเดียว วงไพ่เราก็ได้ยินเสียงปืนยิงเป็นชุดไกลๆ มระมาณ 2-3 ชุด แล้วก็เงียบไป
พวกเราก็คิดว่าพวกที่ออกลาดตระเวน
ของกองร้อยใดกองร้อยหนึ่ง
อาจจะปะทะกับชุดลาดตระเวนของพวก VC พวกเราก็ยังคงเล่นต่อกันไปอีก กะว่าเล่นสักประมาณ 24.00 น. ก็จะไปนอนกัน
ตอนนี้ข้าพเจ้า ขอเล่าเรื่องจากทางกองร้อยอาวุธเบาที่ 1
ซึ่งท่านผู้บังคับกองร้อย พ.ต.ยุทธนา
แย้มพันธ์ ( ท่านคือ พลโทยุทธนา
แย้มพันธ์ จก.ยศ.ทบ. )
ได้กรุณาเล่าเรื่อง และรายละเอียด
ของคืนวันที่ 20 ธ.ค. 10 ให้ฟังว่า
พ.ต.ยุทธนา แย้มพันธ์ผู้บังคับกองร้อยอาวุธเบาที่ 1 |
ตอนกลางวัน ทางกองร้อย 1
ได้จัดเจ้าหน้าที่ทางกองร้อย
ไปร่วมปฏิบัติการ Civic Action กับชุดปฏิบัติการสงครามจิตวิทยา ในบริเวณหมู่บ้านฟุกโถ ซึ่งเป็นพื้นที่ๆกองร้อยอาวุธเบาที่ 1
รับผิดชอบ เมื่อเสร็จงาน มาทานอาหารกันแล้วก็แยกกันกลับหน่วย พอบ่ายลงทางกองร้อยก็จัดเจ้าหน้าที่ออกปฏิบัติงานกันตามปกติ ส่งส่วนหนึ่งออกลาดตระเวนทางน้ำ ( โดยใช้ Air
Boat )
ส่วนหนึ่งลาดตระเวนถนนสมเกียรติ
อีกส่วนหนึ่งคุ้มกันและตรวจตราให้แก่หมู่บ้านตอนใต้ของฐาน ซึ่งทำการเกี่ยวข้าวกันอยู่
เมื่อเสร็จหน่วยคุ้มกันชาวบ้านเกี่ยวข้าวจึงกลับเข้าฐาน
ทหารได้รับประทานอาหารมื้อเย็นกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ทางกองร้อยก็ได้จัดชุดออกปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนซุ่มโจมตีนอกฐาน ตามแนวถนนสมเกียรติ
ซึ่งถนนสายนี้
ฝ่ายเราจะต้องใช้เป็นประจำ พวก VC พยายามที่จะฝังทุ่นระเบิดฝ่ายเรา
จึงต้องรักษาดูแลเป็นประจำเพื่อความปลอดภัย ส่วนพวกที่อยู่ในฐานก็ตรวจตราความเรียบร้อยของที่มั่น ตรวจลวดหนามที่กั้นเส้นทางเข้าฐาน
ภายนอกคูติดต่อของเราซึ่งมีแนวรั้วลวดหนามแนวเดียว ทางกองร้อยได้วาง Claymore Mine
และกับระเบิดซึ่งทำจากระเบิดขว้าง พลุสะดุดจัดวางไว้อย่างเรียบร้อย เวรยามทุกนายปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด หลายคนเข้านอนและหลับไปเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อย จึงมีทหารประมาณ 30 นาย มานั่งชมภาพยนตร์ เรื่องศึกคาร์ทูม ระหว่างที่เพลิดเพลินกับภาพยนตร์ ซึ่งกำลังต่อสู้กันอย่างรสเด็ดเผ็ดมันบนจอผ้าสีขาว หน่วยคุ้มกันเครื่องจักร ใช้ทำลายต้นไม้ Tree Crusher
เครื่องจักรใช้ทำลายต้นไม้ (Tree Crusher) |
ซึ่งขณะนั่นชำรุดอยู่ Air Boat ของเราลอยลำอยู่ในลำน้ำนอกฐาน ได้รายงานสถานการณ์ ให้ทราบว่า ทุกสิ่งทุกอย่างนอกฐานปกติ
ชุดลาดตระเวนซุ่มโจมตีรายงานสถานการณ์ให้ทราบว่าทุกสิ่งปกติ มีแต่เสียงกระสุนปืนใหญ่และ ค.81 ของเราซึ่งทำการยิงรบกวนพวก VC รอบๆฐาน มีแสงสว่างจากกระสุนส่องแสง ซึ่งเราทำการยิงไปจากเครื่องยิงลูกระเบิด มีแสงส่องสว่างไปรอบๆฐานตลอดเวลา ระหว่างนั้นภาพยนตร์ยังไม่จบ ทหารตอน ค.ที่จัดไปคุ้มกัน Tree Crusher ซึ่งอยู่ห่างจากฐานประมาณ 600-700 หลา
วิทยุมาแจ้งผู้บังคับกองร้อยว่า
ได้ยินเสียงคล้ายคนลุยเลน
ขออนุญาตยิงตำบลที่สงสัย
ผบ.ร้อยตอบ OK
ยิงได้ ทหารทำการยิงไป 2-3
ชุด เงียบกริ๊บไปเลย ไม่มีการยิงโต้ตอบ หรือมีเสียงอะไรเลย ทหารก็วิทยุรายงาน ผบ.ร้อยและทำการเฝ้าตรวจต่อไป
ประมาณ 22.00 น.
หนังเรื่องศึกคาร์ทูมจบม้วนไปแล้ว
ร.ท.เสถียร สีฉ่ำ รองผบ.มว.ปจว.
ซึ่งมาช่วยฉายภาพยนตร์เรียนถามผู้กองร้อยว่า ยังมีหนังอีกเรื่องหนึ่งจะฉายต่อไหมครับ ผู้กองร้อยบอกว่าไม่ไหวชักง่วงนอน พอแล้วละ
ทหารที่นั่งดูก็ลุกขึ้นกลับที่นอนกัน
บางคนก็ไปกินน้ำกินท่า บางคนก็ฉี่ ร.ท.เสถียร
สีฉ่ำ ( ปัจจุบันคงเป็น พ.อ.พิเศษไปแล้ว ต้องขออภัยท่านด้วย ) ท่านก็จัดการทำการกรอหนังกลับเข้ารีล กรอไปได้นิดเดียวเครื่องทำไฟน้ำมันหมด ไฟดับกรอหนังไม่ได้ ผู้กองร้อยจึงเรียกพลทหาร กิติ
สุวรรณศรี
พลขับรถของรองผู้บังคับกองร้อย
วัฒนา สรรพานิช ซึ่งดูแลเรื่องน้ำมันให้มาเติมน้ำมันเครื่องทำไฟที่ใช้ฉายภาพยนตร์หน่อย
เพียงอึดใจเดียวโดยไม่ได้คิดไม่ได้ฝัน เสียงระเบิดดังสนั่น กรั้ม!! เสียงพลทหารกิติ สุวรรณศรี ซึ่งกำลังใส่รองเท้าได้เพียงข้างเดียว ร้องออกมาได้คำเดียวว่า โอ้ย!! แล้วก็ล้มคว่ำหน้าลงกับพื้นเสียชีวิตทันที ลูก ค. มันลงไปในทางหัวเตียงของ พลทหารกิติ เป็นลูกแรกที่เวียดกงมันยิงเข้ามา ซึ่งเป็นขณะที่ทหารที่ชมภาพยนตร์ได้แยกย้ายกันไปเข้าที่บังเกอร์ของตน ( ในบังเกอร์ใช้เป็นที่นอนด้วย ) เสียงลูก ค. ที่ตกลงมานัดแรกโดยสัญชาติญาณของทหาร ทุกคนปราดเข้าที่กำบังหยิบอาวุธคู่มือขึ้นมาเตรียมพร้อมทันที
กรั้ม!!
ค.ลูกที่ 2 ลงไปในที่พักของ ส.ต.เชิด
แย้มชุติ ซึ่ง ส.ต.เชิด ใช้ Culvert ( ท่อน้ำแผ่นเหล็กครึ่งวงกลม ) ครอบที่นอนไว้
คิดว่าเขาต้องตื่นแล้วแต่ไม่ทันออกมา
เพราะปืนคู่มืออยู่กับตัวเขา
ขณะที่เขาได้สละชีพเพื่อชาติไปแล้ว
เป็นระยะเวลาที่ห่างของลูก ค.ลูกที่ 1 กับลูกที่ 2 กรั้ม!!
ลูกที่ 3
ก็ลงมาอีกห่างกันไม่มากนัก
ลูกนี้ลงมาข้างบังเกอร์ของ
ร.อ.วัฒนา สรรพานิช รองผู้บังคับกองร้อยอาวุธเบาที่ 1 ( พลตรี
วัฒนา สรรพานิช ผบ.พล.ร.9 ขณะนี้ ) กับ ร.ท.กัมพล
ผลผดุง ผตน.ซึ่งมาประจำอยู่กับกองร้อยอาวุธเบาที่
1
ในบังเกอร์นี้ คงมีแต่ ร.ท.กัมพล ฯ นอนอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะรองวัฒนา ท่านไปแข่งขันยิงปืนในไซ่ง่อน ในนามจงอางศึก ร.ท.กัมพล ฯ ปลอดภัยจากลูก ค.นัดที่ 3 แล้วท่านก็ออกมาสมทบกับผู้บังคับกองร้อยที่ 1 ตอนนี้ผู้บังคับกองร้อยได้สั่งการให้ทุกคนเข้าที่ พร้อมที่จะยิงศัตรูทุกผู้ทุกนาม ที่แหลมเข้ามาในรังของจงอาง การที่ VC ยิง ค. เข้ามา 3 ลูกแรกแล้วทิ้งจังหวะหยุดยิงไป ท่านผู้บังคับกองร้อยท่านบอกว่า ข้าศึกคงยิงหาหลักฐานก่อนเข้าโจมตี แล้วก็เป็นเช่นนันตามที่ท่านคิด เพราะหลังจาก ค. ยิงมา 3 นัดแล้ว พวกแซปเปอร์ (Sabper) พวกจู่โจมและทำลาย ของพวกเวียดกง ก็เริ่มดาหน้ากันมาที่รังจงอางศึก (กองร้อยที่ 1) รอบด้าน ค.ของเวียดกง เริ่มระดมยิงเข้ามาในฐานของกองร้อยที่ 1 อย่างไม่นับ แต่ทหารไทย จงอางศึกทุกคนมิได้หวั่นไหว ยิงใส่ทุกคนที่มุ่งหน้าเข้ามาอย่างประสงค์ร้ายต่อเรา แซปเปอร์ชุดแรกของเวียดกง วิ่งเข้ามาเตะเอาพลุสะดุดที่เราวางไว้ สว่างจ้าเหมือนกลางวัน จงอางศึกก็จัดการกับเป้าเคลื่อนที่ คือเวียดกงอย่างมันมือ คว่ำข้าวเม่าอยู่แถวหน้าลวดหนามนั่นเอง VC คนไหนที่เข้ามาใกล้จุดอันตรายของกับระเบิดที่เราวางกันไว้ ก็กดสวิช ตูม!! กระเด็นไปคนละทิศละทาง VC. บางคนมีไม้กระดาน 2 แผ่น ยาวประมาณเกือบ 2 เมตร หัวกระดานด้านหนึ่งตีประกับด้วยยางทำให้เหมือนบานพับ พับได้ เหยียดตรง 2 แผ่นได้ มันจะวิ่งเข้ามาที่ลวดหนามของจงอางศึก เอากระดานที่พับได้ ถือวิ่งเข้ามาพาดเข้าที่ลวดหนามหีบเพลงของเรา แต่พอจะวิ่งข้ามลวดหนามก็เจอกระสุนเข้าติดอยู่กับลวดหนามนั้นเอง
ที่ตั้งกองร้อยอาวุธเบาที่ 1 จงอางศึก ในเวียดนาม
เพียงอึดใจเดียวโดยไม่ได้คิดไม่ได้ฝัน เสียงระเบิดดังสนั่น กรั้ม!! เสียงพลทหารกิติ สุวรรณศรี ซึ่งกำลังใส่รองเท้าได้เพียงข้างเดียว ร้องออกมาได้คำเดียวว่า โอ้ย!! แล้วก็ล้มคว่ำหน้าลงกับพื้นเสียชีวิตทันที ลูก ค. มันลงไปในทางหัวเตียงของ พลทหารกิติ เป็นลูกแรกที่เวียดกงมันยิงเข้ามา ซึ่งเป็นขณะที่ทหารที่ชมภาพยนตร์ได้แยกย้ายกันไปเข้าที่บังเกอร์ของตน ( ในบังเกอร์ใช้เป็นที่นอนด้วย ) เสียงลูก ค. ที่ตกลงมานัดแรกโดยสัญชาติญาณของทหาร ทุกคนปราดเข้าที่กำบังหยิบอาวุธคู่มือขึ้นมาเตรียมพร้อมทันที
Culvert ( ท่อน้ำแผ่นเหล็กครึ่งวงกลม ) |
ร.อ.วัฒนา สรรพานิช รองผู้บังคับกองร้อยอาวุธเบาที่ 1 |
ในบังเกอร์นี้ คงมีแต่ ร.ท.กัมพล ฯ นอนอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะรองวัฒนา ท่านไปแข่งขันยิงปืนในไซ่ง่อน ในนามจงอางศึก ร.ท.กัมพล ฯ ปลอดภัยจากลูก ค.นัดที่ 3 แล้วท่านก็ออกมาสมทบกับผู้บังคับกองร้อยที่ 1 ตอนนี้ผู้บังคับกองร้อยได้สั่งการให้ทุกคนเข้าที่ พร้อมที่จะยิงศัตรูทุกผู้ทุกนาม ที่แหลมเข้ามาในรังของจงอาง การที่ VC ยิง ค. เข้ามา 3 ลูกแรกแล้วทิ้งจังหวะหยุดยิงไป ท่านผู้บังคับกองร้อยท่านบอกว่า ข้าศึกคงยิงหาหลักฐานก่อนเข้าโจมตี แล้วก็เป็นเช่นนันตามที่ท่านคิด เพราะหลังจาก ค. ยิงมา 3 นัดแล้ว พวกแซปเปอร์ (Sabper) พวกจู่โจมและทำลาย ของพวกเวียดกง ก็เริ่มดาหน้ากันมาที่รังจงอางศึก (กองร้อยที่ 1) รอบด้าน ค.ของเวียดกง เริ่มระดมยิงเข้ามาในฐานของกองร้อยที่ 1 อย่างไม่นับ แต่ทหารไทย จงอางศึกทุกคนมิได้หวั่นไหว ยิงใส่ทุกคนที่มุ่งหน้าเข้ามาอย่างประสงค์ร้ายต่อเรา แซปเปอร์ชุดแรกของเวียดกง วิ่งเข้ามาเตะเอาพลุสะดุดที่เราวางไว้ สว่างจ้าเหมือนกลางวัน จงอางศึกก็จัดการกับเป้าเคลื่อนที่ คือเวียดกงอย่างมันมือ คว่ำข้าวเม่าอยู่แถวหน้าลวดหนามนั่นเอง VC คนไหนที่เข้ามาใกล้จุดอันตรายของกับระเบิดที่เราวางกันไว้ ก็กดสวิช ตูม!! กระเด็นไปคนละทิศละทาง VC. บางคนมีไม้กระดาน 2 แผ่น ยาวประมาณเกือบ 2 เมตร หัวกระดานด้านหนึ่งตีประกับด้วยยางทำให้เหมือนบานพับ พับได้ เหยียดตรง 2 แผ่นได้ มันจะวิ่งเข้ามาที่ลวดหนามของจงอางศึก เอากระดานที่พับได้ ถือวิ่งเข้ามาพาดเข้าที่ลวดหนามหีบเพลงของเรา แต่พอจะวิ่งข้ามลวดหนามก็เจอกระสุนเข้าติดอยู่กับลวดหนามนั้นเอง
ภาพศพเวียดกง หรือ VC. ที่เป็น แซปเปอร์ (Sabper) ภาพจากภาพยนตร์ ของ พ.อ.สมจริง สิงหเสนี นายทหารประชาสัมพันธ์ รุ่นเสือดำ |
ไอ้ปืนโต M 79 ของกองร้อย 1 ก็ยิงเอายิงเอา
มาเป็นกลุ่มๆก็กระจายระเนระนาด
ขณะนี้วิทยุกองร้อยสำหรับติดต่อกับ
บก.กรม ส่วนหน้าชำรุด
สายอากาศที่วางไว้ขาดกระจุยเพราะลูก
ค.VC. ติดต่อกันไม่ได้
ผู้กองร้อยต้องใช้วิทยุระหว่างหมวด
ติดต่อสั่งการผู้บังคับหมวดต่างๆในกองร้อย 1 ด้วยกัน
ในระหว่างนี้ผู้กองร้อยก็ปรับความถี่การใช้วิทยุและเอาเสาอากาศแบบ RC-292 ใช้แทน
ทำการติดต่อขอการสนับสนุนการยิงของปืนใหญ่จงอางศึก และปืนใหญ่สหรัฐ ช่วยทำการยิงทำลายข้าศึกซึ่งมีกำลังถึง 1 กองพันเพิ่มเติม กำลังพลประมาณ 600 นาย ที่ทำการเข้าตีทหารไทย 1
กองร้อยซึ่งมีกำลังพลประมาณ 200 นาย
เสียงปืนใหญ่ ปืนโต ปืนกล
ปืนเล็ก และ ค. ดังแทบแก้วหูจะทะลุ อื้ออึงไปหมด
ทหารของกองร้อย 1 เราก็มีบาดเจ็บหลายคนเหมือนกัน เพราะโดนสะเก็ดระเบิดลูก ค. ของ VC. ที่ยิงมาอย่างถี่ยิบ( ซึ่งเรานับได้จากหลักฐาน หางระเบิดของลูก ค. VC. ในวันรุ่งขึ้นมีจำนวนถึง 200 กว่าหาง ) ผู้บังคับกองร้อยที่ 1 หามคนเจ็บตามจุดต่างๆในฐาน เข้าที่กำบังที่ปลอดภัยไว้ก่อน
กระสุนเครื่องยิงลูกระเบิด ที่ยึดได้จาก VC. |
ทหารของกองร้อย 1 เราก็มีบาดเจ็บหลายคนเหมือนกัน เพราะโดนสะเก็ดระเบิดลูก ค. ของ VC. ที่ยิงมาอย่างถี่ยิบ( ซึ่งเรานับได้จากหลักฐาน หางระเบิดของลูก ค. VC. ในวันรุ่งขึ้นมีจำนวนถึง 200 กว่าหาง ) ผู้บังคับกองร้อยที่ 1 หามคนเจ็บตามจุดต่างๆในฐาน เข้าที่กำบังที่ปลอดภัยไว้ก่อน
ซึ่งทางกรมทหารอาสาสมัครส่วนหน้า ที่ฟุกลายทราบจากทางวิทยุว่า มีพวกเราบาดเจ็บหลายคน ก็แจ้งทาทางผู้กองร้อยว่า
จะสั่งเฮลิคอปเตอร์มารับคนป่วยด่วน
ทางผู้กองร้อยแจ้งไปว่า
ของให้งดเครื่อง ฮ. ที่จะมารับคนป่วยไว้ก่อน เพราะขณะนี้กำลังยิงกันอย่างหนัก จะสับสนกัน
ฮ. และคนเจ็บอาจเป็นอันตรายจากการยิงของปืนใหญ่ไทย ปืนใหญ่อเมริกัน และ ค.หนัก
ของกองร้อยม้าลาดตระเวนที่เป็นหน่วยระวังป้องกันกองร้อยปืนใหญ่ ซึ่งตั้งฐานยิงสนับสนุนกำลังจงอางศึกในพื้นที่
ตำบลนันทรัค กับยังมี Spooky และ
Gunship ของอเมริกันมาบินช่วยยิง VC. อีกด้วย
คิดว่าประมาณ 01.00 น. การยิงคงเบาบางลง เฮลิคอปเตอร์จึงมารับคนเจ็บได้ ทาง บก.กรมส่วนหน้า ได้ตอบตกลงตามที่ขอ ระหว่างนั้นกระสุนปืนใหญ่จาก พ.ต.วัฒนชัย
วุฒิศิริ ( พลโท วัฒนชัย วุฒิศิริ
แม่ทัพภาคที่ 1 ) เพื่อนรักของ พ.ต.ยุทธนาฯ ก็ช่วยยิงสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทำลายกองหนุนของศัตรูจนย่อยยับ
พอดี VC. เริ่มอ่อนกำลังในการยิง ทาง บก.กรมส่วนหน้าแจ้งมาว่า ฮ.จะมารับทหารที่บาดเจ็บ ขอให้ทางกองร้อยอาวุธเบาที่ 1
ให้ความสะดวกในการขึ้นลงของ ฮ.ที่มารับผู้บาดเจ็บด้วย ทางผู้กองร้อย รับทราบรับปฏิบัติ ไม่ถึง 5 นาที
ฮ.ที่จะมารับผู้บาดเจ็บก็บินมา พั๊บๆๆ ฝ่ากระสุนเข้ามาถึงกองร้อยที่ 1 แล้ว
ทหารให้สัญญาณ ฮ. ลงมาอย่างปลอดภัย ทหารช่วยกันหามลำเลียงคนบาดเจ็บไปขึ้น ฮ.
กันอย่างรวดเร็ว ฮ. บินขึ้นไปแล้ว ทุกคนก็ไปประจำหน้าที่ๆหลุมปืนของตัวเองต่อไป ในการเข้าตีของ VC. ในคราวนี้ พวกแซปเปอร์ของ VC. หลุดผ่านลวดหนามที่กองร้อย 1
กันไว้ได้ 5-6 คน แต่ VC. ที่เข้ามาทุกคนก็หมดโอกาสที่จะหายใจต่อไป กลิ้งอยู่แถวๆหน้าบังเกอร์นั่นเอง
Spooky |
Gunship |
พ.ต.วัฒนชัย วุฒิศิริ ผู้บังคับกองร้อย ทหารปืนใหญ่ |
ปืนใหญ่ หน่วยจงอางศึก ยิงสนับสนุน |
พวกแซปเปอร์ของ VC. หน้าบังเกอร์ ร้อยอาวุธเบาที่ 1 |
02.00 น. การยิงของ VC. ที่ยิงมาที่ กองร้อย 1
เริ่มเบาบางมาก มียิงประปราย VC. เริ่มถอนตัวไปทาง ซอมบาบอง เสียงยิงของ VC.
ชักจะเงียบลง ส่วนปืนใหญ่ของ
พ.ต.วัฒนชัย ฯ ก็ยังยิงคุ้มกันให้กองร้อย
1 เป็นห้วงเวลาห่างๆ กันไปตลอด ( ในคืนนี้ปืนใหญ่ของจงอางศึก ยิงสนับสนุนกองร้อยอาวุธเบาที่ 1 เป็นจำนวน
1,400 นัด ) เรียกว่าปูพรมบริเวณรอบฐานกองร้อยที่
1 ไม่มีโอกาสกลับบ้านอีกเลย พวกที่อยู่ข้างนอกเขตร้อย
1 จะเข้ามาเอาศพเพื่อนๆกัน
ก็เข้ามาเอาไม่ได้น่ะแหละครับ
สะใจจริงๆ งูจงอางอยู่เฉยๆ เข้ามาดึงหางงูเล่นได้
พอ 05.00 น. VC. เริ่มเปิดการยิงเข้ามาที่กองร้อย 1 อย่างหนักอีกครั้ง เพราะจวนจะสว่างแล้ว ท่านผู้กองร้อยท่านบอกว่า เข้าใจว่าเป็นการยิงกำบังการถอนตัว เพื่อรวบรวมกำลังลำเลียงพวกบาดเจ็บและตายกลับ หลังจาก VC. ได้ยิงอย่างหนักอีกชุดใหญ่แล้ว ก็เงียบสนิทจริงๆ VC. คงจะช่วยกันหามคนป่วย คนเจ็บ คนตาย ( ที่มากำแหงแหย่รังจงอาง ) เอากลับไปฝังไปรักษากันเองก็แล้วกัน ครั้งนี้คงจะเป็นบทเรียนที่มีค่าสูงสุดสำหรับเวียดกงที่จะได้รู้ว่า ทหารไทยนั้นมีพิษสง ขะไหนหนาด เพราะทหารไทยทุกคนจะสู้อย่างกล้าหาญ สามัคคีกลมเกลียว สมกับคำสาบานซึ่งให้ต่อกันไว้ว่า “ จะตายร่วมกัน ไม่ทอดทิ้งซึ่งกันและกัน “ พระอาทิตย์เริ่มทอแสงขึ้นมาเรืองๆที่ขอบฟ้า แล้วก็สว่างขึ้นสว่างขึ้น
พอ 05.00 น. VC. เริ่มเปิดการยิงเข้ามาที่กองร้อย 1 อย่างหนักอีกครั้ง เพราะจวนจะสว่างแล้ว ท่านผู้กองร้อยท่านบอกว่า เข้าใจว่าเป็นการยิงกำบังการถอนตัว เพื่อรวบรวมกำลังลำเลียงพวกบาดเจ็บและตายกลับ หลังจาก VC. ได้ยิงอย่างหนักอีกชุดใหญ่แล้ว ก็เงียบสนิทจริงๆ VC. คงจะช่วยกันหามคนป่วย คนเจ็บ คนตาย ( ที่มากำแหงแหย่รังจงอาง ) เอากลับไปฝังไปรักษากันเองก็แล้วกัน ครั้งนี้คงจะเป็นบทเรียนที่มีค่าสูงสุดสำหรับเวียดกงที่จะได้รู้ว่า ทหารไทยนั้นมีพิษสง ขะไหนหนาด เพราะทหารไทยทุกคนจะสู้อย่างกล้าหาญ สามัคคีกลมเกลียว สมกับคำสาบานซึ่งให้ต่อกันไว้ว่า “ จะตายร่วมกัน ไม่ทอดทิ้งซึ่งกันและกัน “ พระอาทิตย์เริ่มทอแสงขึ้นมาเรืองๆที่ขอบฟ้า แล้วก็สว่างขึ้นสว่างขึ้น
06.00 น. ของวันที่ 21 ธ.ค. 2510
พ.อ.สนั่น ยุทธสารประสิทธิ์ ผู้บังคับการกรมทหารอาสาสมัคร (พลตรี สนั่น
ยุทธสารประสิทธิ์ ท่านเกษียณแล้ว )
พ.ท.สุจิณณ์ มงคลคำรวณเขตต์ รองผู้บังคับการกรมทหารอาสาสมัคร
ฝ่ายยุทธการ ( ท่านเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ในสมรภูมิ
) พ.ท.ชวลิต ยงใจยุทธ
ฝอ.3 ( ปัจจุบัน พลเอก ชวลิต
ยงใจยุทธ ผบ.ทบ. ) พ.ต.พิจิตร กุลละวณิชย์
ผช.ฝอ.3 ( ปัจจุบัน พลเอก
พิจิตร กุลละวณิชย์ ผช.ผบ.ทบ. )
และข้าพเจ้า ปชส.อสส. ได้เดินทางมาถึง กองร้อยอาวุธเบาที่ 1 ผู้บังคับกองร้อย ท่านก็ได้ต้อนรับผู้บังคับการกรม
กับคณะและเชิญเข้าฟังบรรยายสรุปเหตุการณ์ที่ผ่านมาในคืนวันที่ 20 ธ.ค.
2510 โดยละเอียด ส่วนข้าพเจ้า
ก็ถือโอกาสออกตระเวนถ่ายภาพยนตร์และภาพนิ่ง บริเวณรอบฐานของกองร้อยที่ 1
ได้พบได้เห็น VC.
ที่นอนตายกันเกลื่อนกราดไปหมดต้นมะม่วงหิมมะพานต์รอบๆ ฐานถูกสะเก็ดระเบิดของลูก ค. ขาดไปก็มี บางต้นสะเก็ดระเปิดฝังติดอยู่กับต้นก็มี
เรียกว่าดงมาม่วงนี้ก็คงช่วยเซฟอันตรายได้ไม่น้อย
ท่านผู้บังคับกองร้อยท่านได้เลือกทำเลที่เป็นชัยภูมิดีที่สุด วันนี้ทหารกองร้อยที่ 1 ต้องทำงานกันอย่างหนักอีก
ทั้งที่เมื่อคืนไม่มีใครได้นอนเลยจนถึงสว่าง เพราะต้องไปเก็บอาวุณจากพวกเวียดกง ที่ตายทั้งหมดรอบๆ บริเวณกองร้อย
มีทั้ง RPG. ปืนอารก้า ปืนกลจาน ปืนกลเบา เครโม ลูกระเบิดขว้าง กระสุน ฯลฯ จำนวนมากมายเอามารวมกันไว้ที่หน้า บก.ร้อยอาวุธเบาที่ 1 เต็มไปหมด แล้วก็ขนศพเวียดกงเอามานอนเรียงกันที่ลานจอดรถ มีจำนวน 95 ศพ ( ไม่ได้นับศพพวกขนเอาศพเพื่อนไปด้วย ) ในการที่เวียดกงทำการเข้าตีกองร้อยอาวุธเบาที่ 1 ในคราวนี้ เวียดกงต้องสูญเสียกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์เป็นจำนวนมากมาย เป็นบทเรียนที่พวกเวียดกงจะต้องจดจำไปอีนานเท่านาน จากข่าวเชลยที่เราจับมาได้ยืนยังว่า VC. ได้นำศพกลับไปได้จำนวน 90 ศพ บาดเจ็บ 80 คน ถูกจับเป็นเชลย 2 คน ส่วนจงอางศึกของเรา เสียชีวิตในคราวนี้รวมทั้งสิ้น 6 นาย
ร.อ.ทวี วุฒิยานันท์ นายทหารประชาสัมพันธ์ อสส.(จงอางศึก) บันทึกภาพยนตร์ บริเวณรอบฐาน กองร้อยอาวุธเบาที่ 1 |
ขนศพ VC. ไปฝังกลบ |
อาวุธที่ยึดได้จาก VC. ที่มาเข้าตี |
มีทั้ง RPG. ปืนอารก้า ปืนกลจาน ปืนกลเบา เครโม ลูกระเบิดขว้าง กระสุน ฯลฯ จำนวนมากมายเอามารวมกันไว้ที่หน้า บก.ร้อยอาวุธเบาที่ 1 เต็มไปหมด แล้วก็ขนศพเวียดกงเอามานอนเรียงกันที่ลานจอดรถ มีจำนวน 95 ศพ ( ไม่ได้นับศพพวกขนเอาศพเพื่อนไปด้วย ) ในการที่เวียดกงทำการเข้าตีกองร้อยอาวุธเบาที่ 1 ในคราวนี้ เวียดกงต้องสูญเสียกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์เป็นจำนวนมากมาย เป็นบทเรียนที่พวกเวียดกงจะต้องจดจำไปอีนานเท่านาน จากข่าวเชลยที่เราจับมาได้ยืนยังว่า VC. ได้นำศพกลับไปได้จำนวน 90 ศพ บาดเจ็บ 80 คน ถูกจับเป็นเชลย 2 คน ส่วนจงอางศึกของเรา เสียชีวิตในคราวนี้รวมทั้งสิ้น 6 นาย
จาก กองร้อยอาวุธเบาที่
1 จำนวน 4 นาย
ส.ต.เชิด แย้มชูติ พลนำสาร
พลทหาร กิตติ สุวรรณศรี พลนำสาร
ส.ต.สำเนียง เรืองนิล พลยิง
ส.ต.มนูญ โคตรพงษ์
จาก กองร้อยทหารม้าลาดตระเวน จำนวน 2 นาย
จ.ส.อ.เทียม แก้วเกตุ
พลทหาร ทองรัก
เชยชม
นักรบจงอางศึกที่เสียชีวิตไปในครั้งนี้ เขาได้สระชีวิตเป็นชาติพลี เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติไทย และเพื่ออิสรภาพของเสรีชนทั้งมวล เขาตายด้วยความภาคภูมิ สมแล้วที่ทุกคนได้ปฏิญาณไว้ว่า “ ตายในสนามรบเป็นเกียรติของทหาร ” จงอาศึกทุกคน
และประชาชนไทยทุกคนจะระลึกถึงท่านผู้ล่วงลับจนกว่าจะสิ้นลมปราณ
ขอให้กุศลผลบุญ ราศีทักษิณานุปทาน ทั้งปวงที่ท่านผู้กล้าได้สร้างวีรกรรมไว้ จงเป็นพลังปัจจัยอำนวยให้ท่านผู้สละชีวิต จงประสบแต่อิฐวิบูลมนูญผล ถึงซึ่งสุคติ และทิพยสมบัติ ในสัมปรายภพควรแต่ฐานะชั่วกาลปวสาน เทอญ.